คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 37
ทำไมไปเน้นแค่ที่จีน และสิงคโปร์ครับ
ผมว่าโอกาสที่จะได้จากญี่ปุ่น น่าจะมีเยอะกว่า เพราะที่นั้นถึงขั้นจะ "critical" สำหรับเขา
เพราะพี่ชายทำงานบริษัทที่เคยมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นโยบายญี่ปุ่น เน้นเกี่ยวกับคนสูงอายุมาก เพราะตอนนี้ประชากรสูงอายุล้นเกาะ ซึ่งหมายถึงใช้ทรัพยการของประเทศมากขึ้นทุกวันเทียบกับวัยทำงาน คาดกว่าการเกษียณ 2020 อัตราจะเพิ่มถึง 25% แล้วที่กลัว จากการคาดการ ประชากรวัยเกษียณปี 2060 ทั้งประเทศจะมากถึง 40% ของคนทั้งประเทศ เพราะสามารถเอาตัวเลขประชากปัจจุบันคำนวณได้ไม่ยาก
เรื่องนี้จึงเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้มองถึงขนาดล่วงหน้าไปถึง 2060 ที่ว่า นโยบายอย่างหนึ่งถึงขนาดเขียนกฎหมายสนับสนุนให้ประชากรตัวเองได้สิทธิพิเศษ เบิกเงินประกันสะสม เพื่อออกไปตั้งถิ่นฐานนอกประเทศได้ล่วงหน้า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อย่างเชียงใหม่บ้านเรา หรื่ออีกหลายจังหวัด ถึงมีคนญี่ปุ่นมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ พอมองว่าค่าครองชีพถูกมาก (เมื่อเทียบกับที่ญี่ปุ่น) อากาศก็สบาย ภัยธรรมชาติหนักๆ ก็ไม่มี (ที่ญึ่ปุ่น แผ่นดินไหวเป็นอาชีพ) การอยู่กินก็สะดวกสบายมาก
ผมเลยเสนอให้ไปหาทุนที่ญี่ปุ่นเป็นอีกทางเลือก ทำนองว่าให้มีคนเกษียณญี่ปุ่นมีสถานสาธารณสุข ดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอีกแห่ง
ผมว่าโอกาสที่จะได้จากญี่ปุ่น น่าจะมีเยอะกว่า เพราะที่นั้นถึงขั้นจะ "critical" สำหรับเขา
เพราะพี่ชายทำงานบริษัทที่เคยมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นโยบายญี่ปุ่น เน้นเกี่ยวกับคนสูงอายุมาก เพราะตอนนี้ประชากรสูงอายุล้นเกาะ ซึ่งหมายถึงใช้ทรัพยการของประเทศมากขึ้นทุกวันเทียบกับวัยทำงาน คาดกว่าการเกษียณ 2020 อัตราจะเพิ่มถึง 25% แล้วที่กลัว จากการคาดการ ประชากรวัยเกษียณปี 2060 ทั้งประเทศจะมากถึง 40% ของคนทั้งประเทศ เพราะสามารถเอาตัวเลขประชากปัจจุบันคำนวณได้ไม่ยาก
เรื่องนี้จึงเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้มองถึงขนาดล่วงหน้าไปถึง 2060 ที่ว่า นโยบายอย่างหนึ่งถึงขนาดเขียนกฎหมายสนับสนุนให้ประชากรตัวเองได้สิทธิพิเศษ เบิกเงินประกันสะสม เพื่อออกไปตั้งถิ่นฐานนอกประเทศได้ล่วงหน้า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อย่างเชียงใหม่บ้านเรา หรื่ออีกหลายจังหวัด ถึงมีคนญี่ปุ่นมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ พอมองว่าค่าครองชีพถูกมาก (เมื่อเทียบกับที่ญี่ปุ่น) อากาศก็สบาย ภัยธรรมชาติหนักๆ ก็ไม่มี (ที่ญึ่ปุ่น แผ่นดินไหวเป็นอาชีพ) การอยู่กินก็สะดวกสบายมาก
ผมเลยเสนอให้ไปหาทุนที่ญี่ปุ่นเป็นอีกทางเลือก ทำนองว่าให้มีคนเกษียณญี่ปุ่นมีสถานสาธารณสุข ดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอีกแห่ง
แสดงความคิดเห็น
ได้รับที่ดินมรดก 60 ไร่ ติดกรุงเทพมหานคร อยากทำศูนย์สุขภาพครบวงจร ช่วยกันเบรนสตอมร์หน่อยนะ
อยากให้โลกใบนี้ ทำให้คนเราเห็นเรื่องสุขภาพของร่างกายสำคัญกว่าเงินทอง
ผมมีที่ดินที่รับมรดกจาก คุณพ่อมา 60 ไร่ อยากทำศูนย์สุขภาพครบวงจร
เพื่อช่วยเหลือ ทั้งคนรวยและคนจน อยากชวนเพื่อนๆในพันทิป มาร่วมแสดงความเห็นว่า
จะทำอย่างไรได้บ้าง ใจจริงผม อยากไปเมืองจีน หรือ สิงค์โปร เพื่อหาเงินบริจาค
มาสร้างโรงพยาบาล และที่พักของ บุคลากร ต่างๆ โดยการมอบหุ้นให้ผู้ที่ได้รับบริจาค
ส่วนการดำเนินการ ก็รักษาผู้ป่วยทั้งคนที่มีเงิน และ คนที่มีเงินน้อย
โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมาจากการบริจาค และ จากการคิดจากผู้ป่วยตามแต่ฐานะ หรือกำลังของพวกเขา
โดยส่วนตัว มีความซื่อสัตย์ คิดว่าสามารถดูแล เงินของผู้บริจาค ไม่ให้ ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว
มีการเปิดเผย รายได้ รายจ่าย อย่างโปร่งใส่ ทุกๆเดือน และให้ผู้บริจาคสามารถตรวจสอบได้
อยากทำโครงการณ์นี้เป็นโครงการตัวอย่าง ที่มี ธรรมาภิบาล และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนรวมในกิจกรรม
ผมมีเพื่อนเป็นหมอ อยู่หลายคน ที่พร้อมจะร่วมกิจกรรมนี้ และที่สำคัญ ผมเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในเรื่องนี้ด้วย
เรามีอาจารย์หมอ ที่เก่งๆระดับโลก เรามีหน่วยงานยาที่เข้มแข็งมากๆ ราคายาของเราถูกมากๆๆ จนคนต่างประเทศบินมารักษาที่เมืองไทย
ผมมองว่า เมืองไทย ถ้าเน้น เรื่อง อุตสาหกรรมการบริการด้านสุขภาพและยา และ อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นจุดที่ STRONG ของเรา
เราสามารถพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ โดยโฟกัสไปในแนวนี้ ผมว่า เรามีโอกาสมากๆที่จะขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก
จึงเป็นที่มาของโครงการณ์นี้ บนที่ดิน มรดก ก็เลยคิดว่า มาตั้งกระทู้ในพันทิป เผื่อจะมีใครเสนอแนวคิดดีๆว่า
จะระดมทุนอย่างไร เพื่อให้โครงการณ์นี้เกิดขึ้นได้ครับ....รวมทั้ง ขอแรงกายแรงใจ จากคุณหมอ และคุฯพยาบาล คุณผู้ช่วยพยาบาลทั้งหลาย
ที่อยู่ในพันทิปนี้ ด้วย มาร่วมทำโครงการณ์นี้ให้เกิดขึ้นจริง....
เจ้าของกระทู้มีโฉนดเก่าแก่ อายุกว่า 100 ปีแสดงให้ดูในกรณีที่มีคนอยากให้ดูเป็นหลักฐาน.....
มาร่วมใจกันแสดงความเห็นนะครับ....